1. มีศีลเสมอกัน
ศีลเสมอกัน เป็นสิ่งที่คนพูดถึงกันบ่อย ๆ เวลาจะมองหาคู่ครองต้องให้มีศีลเสมอกัน อธิบายง่าย ๆ คือ คนที่รัก ษาศีล รู้จักยับยั้งชั่งใจ พากันไปสู่สิ่งที่ดีงาม ก็จะทำให้ชีวิตราบรื่น แต่หากสองคนนั้นมีศีลไม่เสมอกัน
ก็เป็นเรื่องย ากที่จะอยู่ด้วยกันได้ ในเรื่องศีลเสมอกัน ดูง่าย ๆ คนที่ชอบทำบุญ รัก ษาศีล ถ้าเจอคู่ครองที่ไม่รัก ษาศีล หรือศีลน้อยกว่า เช่น ชอบการพ นัน ต กเย็นคว้าขวดเ หล้า หรือทำอาชีพที่ไปฆ่ าสัตว์ตัดชีวิต
ก็ย่อมไม่ฟังในสิ่งที่เราพูด เราตักเ ตือน ทำให้มีเรื่องขัดข้องหมองใจกันง่าย หากเราเจอคู่ที่มีศีลเสมอกันพากันเข้าวัด ทำบุญ ทำแต่ความดี ชีวิตย่อมเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน ไม่มีใครฉุดดึงชีวิตอีกฝ่ายให้ต่ำลง
2. มีศรัทธาเสมอกัน
หากเรามีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งเดียวกัน เราก็จะมีมุมมองในเรื่องเดียวกัน ข้อดีหลัก ๆ ก็คือ เราจะไม่ทะเ ลาะเบาะแว้งและอย ากเอาชนะคะคานกันและกัน ไม่ถกเถียงเพื่อให้ความเชื่อของเราชนะอีกฝ่าย ทำให้ครองคู่กันอย่ างอยู่เย็นเป็นสุข
นอกจากเรื่องศรัทธาเสมอกัน อีกอย่ างที่สำคัญ คือความชอบและรสนิยม หากตรงกันแล้ว ก็จะลดความขัดแย้ง ลดเรื่องที่ต้องทะเ ลาะในแต่ละวันไปได้ พ ระพุทธองค์ได้ชี้ทางสว่างให้กับคนที่จะมาเป็นคู่ครองกัน
สองคนนั้นควรต้องมีความเชื่อเสมอกัน และไปในทิศทางเดียวกัน เช่น เชื่อในหลักศ าส นาเดียวกัน เพราะถ้าไม่เชื่ออะไรที่เหมือนกัน ก็จะอยู่ด้วยกันแบบชีวิตไม่สงบสุขแน่นอน ทั้งนี้หากเป็นเ นื้อคู่ประเภทคู่เ วรคู่ก รรมกัน
ที่มาพบกันก็เพราะมีก รรมลิขิต วิบากก รรมได้กำหนดไว้แล้ว มีเป้าหมายให้ทั้งคู่ มาชดใช้วิบากก รรมที่มีต่อกันให้หมดสิ้นไป ซึ่งจะนานหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับวิบากก รรมนั้นจะหนักหรือจะเบา เมื่อหมดแล้วก็ต้องแยกย้ายกันไป
หรือคู่ที่เลิกรากัน เปลี่ยนคู่บ่อย ๆ ก็เป็นเพราะอาจจะเป็นเนื้ อคู่กันในปางก่อนจริง มาเกื้อกูลกันบ้างในชาติปัจจุบันจริง แต่เมื่อบุญที่ทำร่วมกันมันมีน้อย ใช้บุญกันไปจนหมดแล้วไม่มีทำเพิ่ม ถึงเวลาก็ต้องแยกย้ายกันไป
3. มีปัญญาเสมอกัน
ปัญญาเสมอกันคืออย่ างไร พ ระราชพรหมย านหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พ ระอริยสงฆ์องค์หนึ่งของเรา ครั้งหนึ่งท่านได้ตอบคำถามให้กับลูกศิษย์ เมื่อลูกศิษย์คนนั้นถามท่านว่า ปัญญาคืออะไร ?
ท่านจึงได้เมตตาตอบไปว่า ปัญญา ความหมายทั่วไปแปลว่าความรู้ที่เกิดขึ้นจากการพินิจพิจารณา แปลว่าความเฉลียวฉลาดก็ได้ มิใช่รู้อย่ างเดียวต้องนำเอาความรู้ที่ได้นั้นมาพิจารณาด้วย มิใช่ฉลาดอย่ างเดียว ต้องมีเฉลียวใจด้วย
พ ระพุทธองค์ตรัสไว้ในเรื่องของการที่จะมาเป็นคู่ครองกัน ต้องมีปัญญาเสมอกัน ถ้าใกล้เคียงกันมากก็จะยิ่งมีความสุข ความเจริญ ทำอะไรก็ประสบผลสำเร็จ เนื่องด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญที่ทั้งคู่มีได้เกื้อหนุนกันและกัน
4. มีจาคะเสมอกัน
คำว่า จาคะ มีความหมายว่า การสละสิ่งของและความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขแ ก่ผู้อื่น หมายรวมถึงการสละละทิ้งกิเลส ละความโ ลภ ความเห็นแ ก่ตัว ความตระหนี่ ความใจแคบ และการเลิกละนิสัย
ตลอดถึงความประพฤติที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดความเสี ยหาย จะเห็นได้ว่า คนที่มีจาคะย่อมเสี ยสละเพื่อส่วนรวมได้ มีความเอื้ออาทรต่อความทุ กข์ย าก คอยให้ความช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เห็นแ ก่ตัว
หากคู่ของเรามีจาคะไม่เสมอกัน คงเป็นเรื่องย ากที่จะทำความเข้าใจว่าเพราะอะไรถึงต้องไปช่วยเหลือคนอื่น คงจะดีไม่น้อย หากเราเลือกครองคู่กับคนที่มีจาคะเสมอกัน เป็นคนใจกว้าง ชอบทำบุญ
สามารถช่วยคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนได้เหมือน ๆ กัน เมื่อเรารักจะเป็นผู้ให้ก็จะอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ให้ แล้วยังสัมผัสถึงความสุขใจ เมื่อมองเห็นผู้รับยิ้มแย้ม พอใจ ทำให้ความสุขของผู้ให้ทวีเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ศีลเสมอกัน การมีศรัทธาเสมอกัน ปัญญาเสมอกัน และจาคะเสมอกัน ก็จะช่วยนำพาให้คู่ครองคิดเห็นในเรื่องเดียวกัน มีความเชื่อในแบบเดียวกัน
ครองคู่กันอย่ างมีความสุข ย ากต่อการทะเ ลาะเบาะแว้ง วิ ธีดูเนื้ อคู่และการเลือกคู่ครองที่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องอาศัยทั้ง 4 ข้อนี้เป็นสำคัญ
ขอบคุณที่มา : ธ ร ร ม ะ ส วั ส ดี