Home บทความ งานวิจัยชี้ว่า คนชอบคบเพื่อนน้อยมักมีไอคิวสูงกว่า คนเก่งๆจึงมักมีเพื่อนน้อย

งานวิจัยชี้ว่า คนชอบคบเพื่อนน้อยมักมีไอคิวสูงกว่า คนเก่งๆจึงมักมีเพื่อนน้อย

ปิดความเห็น บน งานวิจัยชี้ว่า คนชอบคบเพื่อนน้อยมักมีไอคิวสูงกว่า คนเก่งๆจึงมักมีเพื่อนน้อย
0

สังเกตมั๊ย? ทำไม “คนเก่งๆ” มัก “มีเพื่อนน้อย”

เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม เวลาไปไหนมาไหนทีก็ขนกันไปเป็นกลุ่มก้อน แต่เคยสงสัยมั้ยว่าทำไม

บางคนดูเหมือนไม่ค่อยมีเพื่อน ทั้งๆ ที่ก็ดูเป็นคนที่เก่ง เรียกว่าแทบจะเพอร์เฟ็คเลยล่ะ

วันนี้เราจะพามาดูผลการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าทำไมพวกเขาถึงมีเพื่อนน้อย

 

“ความสุข” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ถ้าจะพูดถึงวิธีที่ทำให้มีความสุขชีวิตแฮปปี้แล้วล่ะก็ เราเชื่อว่าทุกคนคงมีเวย์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะใช้วิธีพยายามไม่เครียด

หรือบางผลการวิจัยก็บอกว่าเมื่อเราลดการเสพโซเชียลลงก็สามารถช่วยพัฒนาอารมณ์และพาเรากลับไปมีความสุขกับสิ่งรอบตัวได้ง่ายขึ้น

หรือแม้แต่การได้ใช้เวลาอยู่กับ “เพื่อน” ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สร้างความสุขของใครหลายคนได้เหมือนกัน

 

“ความท้าทาย” ที่ต้องการเอาชนะด้วย “ตัวเอง”

มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาของ The British Journal of Psychology ของ Norman Li และ Satoshi Kanazawa ที่บอกว่าคนที่เก่ง

หรือฉลาดมักจะไม่ค่อยแฮปปี้เมื่อพวกเขาต้องสังสรรค์หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ซึ่งอาจจะมาจากข้อสันนิษฐานที่ว่าความเก่ง

 

หรือความฉลาดนั้นมักจะสัมพันธ์กับความสามารถในการแก้ไขปัญหาหรือความท้าทายต่างๆ คือยิ่งฉลาดมาก​

จะยิ่งรู้สึกว่าอยากที่จะเอาชนะความท้าทายต่างๆ นั้นให้ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนหรือใครก็ตาม

หรืออาจจะพูดได้ว่าความสุขของคนส่วนใหญ่มักจะมีเพื่อนอยู่ในนั้น แต่สำหรับคนเก่ง หรือคนฉลาด พวกเขากลับรู้สึกแฮปปี้กว่าที่จะอยู่คนเดียว

 

แต่ “มีเพื่อนเยอะ” ก็ไม่ได้แปลว่า “ฉลาดน้อย”

อย่าเพิ่งคิดว่าอ้าวววว…แล้วถ้าเรามีเพื่อนเยอะ นี่คือชั้นไม่มีสกิลในการแก้ปัญหาหรือเอาชนะความท้าทายหรอ T_T

เพราะมันเป็นคนละเรื่องกัน การศึกษาวิจัยนี้พูดถึงความเกี่ยวโยงกันของความฉลาดและพฤติกรรมการเข้าสังคม

 

ไม่ได้พูดถึงสาเหตุว่ามีเพื่อนน้อยแล้วจะฉลาดกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนที่แฮปปี้กับการมีแก๊งค์เพื่อนรายล้อม

นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณฉลาดน้อยหรือไม่ฉลาดนะ เพียงแต่ว่าคนฉลาดอาจจะมีความสามารถในการปรับตัวในการอยู่ในสังคม

ในสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดีกว่า และรู้สึกสบายตัวมากกว่าในการรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลาย

ด้วยตัวของเขาเองก็เท่านั้น

 

งานวิจัยใหม่ของ The British Journal of Psychology ได้ตั้งคำถามว่า หัวใจหลักของการมีชีวิตที่ดีคืออะไร?

โดยนักวิจัยได้ทำการสำรวจคนจำนวนกว่า 15,000 คน ในช่วงอายุระหว่าง 18 ถึง 28 ปี แล้วพบว่าคนที่อยู่ในเขตชุมชนที่มีความหนาแน่นของประชากรมาก

จะระบุว่าพวกเขานั้นไม่ค่อยพึงพอใจต่อคุณภาพชีวิตของตัวเองมากนัก นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนที่ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทบ่อยๆ จ

ะระบุว่าพวกเขานั้นมีความสุขเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก

 

“คนฉลาด คือ ข้อยกเว้น”

อย่างไรก็ดี มันก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่ เพราะความสัมพันธ์ที่กล่าวมานี้กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัดในผู้ที่มีไอคิวสูง

“โดยความหนาแน่นของประชากรได้ส่งผลกระทบต่อคนฉลาดเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมีความพึงพอใจต่ำ ยิ่งกว่าคนทีมีไอคิวต่ำกว่าถึง 2 เท่า”

หมายความว่า ยิ่งคุณฉลาด คุณยิ่งไม่ชอบเข้าสังคม คุณจะมีความพึงพอใจกับชีวิตน้อยลงเมื่อต้องเข้าสังคมและพบเจอคนอื่นบ่อยๆ แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

 

“คนฉลาดจะโฟกัสไปที่เป้าหมายระยะยาว”

คนที่มีไอคิวสูงมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคม นั่นเป็นเพราะคนฉลาดมักโฟกัสไปที่เป้าหมายในระยะยาว พวกเขามีความสนใจและมีแรงผลักดัน

ในการจะสร้างบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนที่คุณรู้จักที่ได้เข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา หรือได้ทำธุรกิจของตนเอง

 

ในระหว่างที่พวกเขาเดินตามความฝัน พวกเขาได้ลดการพบปะผู้คน เพื่อโฟกัสไปที่การงานและการสร้างฝันของพวกเขาให้เป็นจริง

คนฉลาดที่กำลังจะบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ อาจมองว่าการเข้าสังคมเป็นสิ่งรบกวนเขา และคอยทำให้เขาเสียสมาธิในการที่จะก้าวไปให้ถึง

เป้าหมายระยะยาวของเขา ในทางกลับกันก็คือ มันส่งผลต่อความสุขของพวกเขาด้วย

 

“ในระหว่างที่กำลังเดินตามเป้าหมาย คนฉลาดจะเก็บตัวและใส่ใจกับความฝันที่แท้จริงของพวกเขา”

แทนที่จะออกไปเทียวในคืนวันเสาร์พบปะกับเพื่อนสองสามคน ไม่ใช่ว่าพวกเขามองไม่เห็นคุณค่าของเพื่อน

เพียงแต่ในระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ พวกเขาอาจมองว่าการเข้าสังคมเป็นการรบกวนสมาธิของเขา

 

“พัฒนาการที่แตกต่างของคนฉลาดในช่วงวิวัฒนาการของสมอง”

วิวัฒนาการของสมองมนุษย์นั้นเกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอดของบรรพบุรุษในสภาพแวดล้อมแบบทุ่งหญ้าสะวันนา

เมื่อก่อนนั้นมนุษย์มีจำนวนประชากรต่ำและใช้ชีวิตแบบ ผู้ล่า-ผู้เก็บเกี่ยว มนุษย์ในสมัยนั้นจำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์

กับคนใกล้ชิดเพื่อความอยู่รอด และการดำรงเผ่าพันธุ์สืบไป

 

เมื่อมองมาที่ปัจจุบัน การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก และการปฏิสัมพันธ์ก็เป็นไปอย่างง่ายดาย

คนฉลาดมักจะเป็นผู้ที่จัดการกับปัญหาต่างๆ ในยุคปัจจุบันได้มากกว่า นั่นหมายความว่า

คนฉลาดมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ และรับมือกับเหตุการณ์ใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น

 

“เมื่อคุณฉลาด คุณจะยิ่งสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น”

อีกทั้งยังสามารถผสมผสานสัญชาตญาณของบรรพบุรุษให้เข้ากับโลกปัจจุบันได้ง่ายอีกด้วย นี่อาจเป็นเพราะคนฉลาด

สามารถละทิ้งความต้องการที่จะปฏิสัมพันธ์ในแบบของสังคมผู้ล่า-ผู้เก็บเกี่ยว เพื่อเลือกที่จะใช้เวลาไปกับการบรรลุเป้าหมาย

 

“คนฉลาดเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ต่างจากคนทั่วไป”

คนฉลาดให้ความสำคัญกับเพื่อนและสังคมเช่นเดียวกับคนทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่ว่าพวกเขาค่อนข้างเรื่องมากเมื่อต้องแบ่งเวลา

เพื่อให้ใช้อย่างคุ้มค่า ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รักเพื่อนหรือการสังสรรค์ เพียงแต่ว่าพวกเขาก็รักเป้าหมายส่วนตัวของพวกเขา

ที่ต้องก้าวไปให้ถึงเช่นเดียวกัน

 

ข้อมูลจาก healthaddict

Load More In บทความ
Comments are closed.

Check Also

คนที่ให้เงินเขายืม มักจำได้ แต่คนที่ไปยืมเงินเขามามักจะลืม

คนที่ให้เ งิ นเขา ยื ม มักจำได้ แต่คนที่ไปยื มเ งิ นเขา … …